แม้ยางจะมีความสำคัญ แต่ผู้ขับขี่รถยนต์หลายคนอาจตรวจดูแค่เพียงผ่าน ๆ เช่น ตรวจสอบระดับของเหลวเป็นประจำ แต่กลับละเลยตรวจสอบสภาพของยาง การดูแลยางนั้นไม่ยากอย่างที่คุณคิด ซึ่งการดูแลและรักษาสภาพยางให้อยู่ในสภาพดีเยี่ยมนั้น ทำได้ง่าย ๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอนดังต่อไปนี้
ตรวจสอบความดันลมยาง
หนึ่งในวิธีการดูแลรักษายางเบื้องต้นก็คือตรวจสอบความดันลมยาง แม้เป็นขั้นตอนง่าย ๆ แต่ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้ยางสามารถวิ่งได้ตามที่ผู้ผลิตได้ออกแบบไว้ การตรวจสอบความดันลมยางที่ถูกต้องจะช่วยปกป้องยางของคุณจากความเสียหายที่แก้ไขกลับคืนสภาพเดิมไม่ได้ และช่วยลดความเสี่ยงที่คุณจะสูญเสียการควบคุมรถจากปัญหาของยางได้อีกด้วย
ความดันลมยางอาจผันผวนได้จากหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น อาจเกิดจากอุบัติเหตุเล็ก ๆ อย่างขับรถเหยียบตะปู เศษโลหะแหลมคม หรือมีรอยเจาะเล็ก ๆ บนยาง ก็สามารถทำให้อากาศไหลออกจากส่วนประกอบของยางได้รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโดยรอบก็อาจทำให้ลมยางผันผวนได้ เราแนะนำให้คุณตรวจสอบความดันลมยางอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ โดยตรวจวัดในขณะที่ยางเย็นตัวลงแล้ว (จะต้องจอดรถทิ้งไว้ 2 ชั่วโมงหรือนานกว่านั้น) ซึ่งสามารถวัดได้โดยเครื่องวัดความดันลมยางที่หาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ชั้นนำทั่วไป
วิธีตรวจสอบยางอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่กำลังตรวจสอบความดันลมยางอยู่นั้น เราอยากให้คุณดูสภาพของยางรถไปพร้อม ๆ กันด้วย รวมถึงควรหมั่นสังเกตดอกยางโดยสำหรับมือใหม่ให้เริ่มดูว่าดอกยางหนาเพียงพอหรือไม่ ซึ่งควรมีการเปลี่ยนยางเมื่อความลึกของร่องดอกยางต่ำกว่า 1.6 มิลลิเมตร โดยใช้ที่วัดความลึกร่องดอกยางหรือสังเกตได้จากแถบสะพานยางที่ฝังอยู่ในแนวของดอกยางแต่ละแนวเพื่อช่วยในการควบคุมรถได้ดีขึ้นในช่วงฝนตกถนนลื่นได้
นอกจากนี้ควรหมั่นตรวจสอบยางเป็นประจำ เพื่อตรวจเช็กสภาพยางและสิ่งแปลกปลอมที่อาจเจาะยางในช่วงเวลาที่คุณขับขี่ผ่านเขตก่อสร้างหรือพื้นที่ที่คุณอาจจะขับรถเหยียบตะปูหรือของแหลมคมได้ และหากมีเวลาก็ให้แงะหิน ก้อนกรวดหรือสิ่งแปลกปลอมตามร่องดอกยางออกไปด้วย หากสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เจาะลึกเข้าไปในยางของคุณ มันอาจสร้างความเสียหายให้กับยางได้ และอาจทำให้เกิดความเสียหายอื่น ๆ ตามมาได้ แล้วก็อย่าลืมตรวจสอบแก้มยางด้วย ว่ามีรอยบาดหรือรอยแซะที่อาจเป็นช่องทางให้ลมยางรั่วไหล จะได้จัดการปะยางรถยนต์แก้ปัญหาเฉพาะหน้า
หมั่นตั้งศูนย์ล้อและถ่วงล้อเสมอ
หากคุณสังเกตได้ว่ารถของคุณเอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งขณะที่ขับรถ หรือเกิดแรงสั่นสะเทือนภายในห้องโดยสารเมื่อขับไปตามทางด่วน ปัญหานี้อาจเกิดจากการตั้งศูนย์หรือการถ่วงล้อ นอกจากผลกระทบเหล่านี้จะสร้างความรำคาญให้กับผู้ที่ขับขี่แล้ว อาการศูนย์ล้อไม่ตรงหรือไม่สมดุลอาจทำให้ยางของคุณสึกหรอก่อนเวลาอันควร
เราแนะนำให้ตั้งศูนย์ล้อใหม่หลังจากที่รถได้รับผลกระทบจากวัตถุที่แข็ง เช่น ขอบถนนหรือหลุมบ่อ หรือตั้งใหม่ทุกครั้งที่ไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง หรือปีละครั้ง แบบใดก็ได้ที่เร็วกว่า อย่างไรก็ตามคุณควรระวังการสึกหรอของดอกยางที่ไม่เท่ากัน โดยการสลับยาง ถ่วงล้อและตรวจสอบศูนย์ล้ออยู่เสมอ แม้ว่าจะยังไม่ถึงเวลาที่ต้องไปเช็กจริง ๆ ก็ตาม
การสลับยางรถ
ในวรรณกรรมเรื่อง แอนิมอล ฟาร์ม มีประโยคเด็ดว่า “สัตว์ทุกตัวเท่าเทียมกัน แต่สัตว์บางตัวเท่าเทียมมากกว่าตัวอื่น ๆ” ประโยคนี้ใช้ได้กับเรื่องยางเช่นกัน เพราะแม้ว่ายางทั้ง 4 เส้นจะมียี่ห้อเดียวกัน ติดตั้งกับรถคันเดียวกันและเดินทางในระยะทางเดียวกัน แต่คุณอาจจะพบว่ายางแต่ละเส้นมีการสึกหรอมากน้อยต่างกันไป นั่นก็เพราะว่ายางแต่ละตำแหน่งนั้นรับน้ำหนักแตกต่างกัน เพื่อให้ยางเกิดการสึกหรออย่างเสมอกันควรสลับยางและถ่วงล้อให้เหมาะสม แต่คำถามที่หลาย ๆ คนคงสงสัยคือเราจะรู้ได้อย่างไรว่าควรสลับยางทุกกี่กิโลเมตร เพื่อให้ยางสึกหรอแบบเท่ากัน
คำตอบคือการสลับยางควรทำโดยนำรถเข้าศูนย์เพื่อสลับยางรถทุกครั้งหลังจากที่เดินทางได้ทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร หรือพร้อมกับการถ่ายน้ำมันเครื่องทุกครั้ง เพื่อให้ยางทุกเส้นมีการสึกหรอแบบเท่า ๆ กัน ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานให้นานมากที่สุด
หากคุณคิดว่าบทความนี้ให้คำแนะนำที่มีประโยชน์ ไปที่ คลินิกยาง ของเรา เพื่อเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับยางรถยนต์